สัดส่วนร่างกายของคนเราที่เรียกว่า ความอ้วนและผอม นอกจากเกิดจากกรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต
การรับประทานอาหาร การบริโภคยา การออกกำลังกาย การทำงานและการใช้พลังงานล้วนแล้วแต่มีผลต่อน้ำหนักและ
สัดส่วนสรีระของเราทั้งสิ้น ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันคนทั่วโลกกำลังประสบกับปัญหา “อ้วน” ทำให้เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อโรค
หลายอย่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตและไขมันในเลือดสูง และมีจำนวนไม่น้อยที่โดยรวมเป็นคนที่น้ำหนักไม่มาก
แต่มีปัญหาเรื่องไขมันเฉพาะจุด ซึ่งแม้ว่าจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน และการออกกำลังกายแล้ว ปัญหา
ส่วนเกินเฉพาะจุดยังไม่หายไป ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการของคนอ้วน และผู้ที่คิดว่ามีสัดส่วนไม่เหมาะสม
ปัจจุบันในต่างประเทศจึงการวางแผนกำหนดสัดส่วนและปรับปรุงรูปร่าง หรือที่เรียกว่า Body Contouring
นพ.ทรงยศ จันทจิตร์ ศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งยศยาคลินิกให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันในบ้านเราเทรนด์ของ Body Contouring
หรือการวางแผนและปรับปรุงรูปร่างก็กำลังเป็นที่นิยม Body Contouring คือ การใช้วิธีการหรือรูปแบบที่หลากหลายใน
การลดสัดส่วน การใช้วิธีการต่างๆ นี้ อาจทำควบคู่กัน หรือเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งทางเลือกแต่ละอย่างก็จะมีข้อดี
และข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของแต่ละบุคคล ไลฟ์สไตล์ เวลาในการทำ รวมทั้ง ความพร้อมด้านการ
เงินด้วย
รูปแบบที่เราคุ้นเคยกันดีคือ การใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์นำมานวด การตีสลาย การใช้อุณหภูมิทั้งความร้อน เช่น การอบไอน้ำ
หรือการใช้ความเย็น การพันตัว (Wrap) ด้วยอุปกรณ์หรือผ้า การใช้ชุดลดกระชับสัดส่วน เสตย์รัดตามจุดต่างๆ ซึ่งวิธีการ
เหล่านี้ เป็นการลดสัดส่วนจากภายนอกร่างกาย ผลที่ได้จึงไม่ค่อยเห็นผลเท่าที่ควรและไม่ถาวร แต่ข้อดีคือ ไม่เจ็บตัว เพราะ
เป็นการทำจากภายนอก
วิธีต่อมาที่คุ้นเคยกันมานาน เมื่อนึกถึงการลดน้ำหนัก คือ การรับประทานยาลดความอ้วน ซึ่งวิธีนี้น้ำหนักลดได้รวดเร็ว เห็นผล
ได้ชัดเจน แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะทำร้ายร่างกายทั้งต่อระบบประสาท หัวใจ และสมอง หรืออาจถึงแก่ชีวิตได้ ส่วนอีกทาง
เลือกหนึ่งคือ การรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์ประเภทที่ดักจับแป้งและไขมัน หรือประเภทแอลคาร์นิทีน เร่งการเผาผลาญ
ซึ่งข้อดีคือ รับประทานแล้วไม่เป็นอันตรายหรือเกิดผลข้างเคียงแบบรุนแรง แต่ในความเป็นจริงคือ ช่วยได้เพียงเล็กน้อยและ
ราคาค่อนข้างสูง
ส่วนทางเลือกที่มีการใช้เครื่องไม้เครื่องมือเข้ามาช่วย ในลักษณะการใช้เครื่องมือจากภายนอก เช่น คลื่นวิทยุประเภท RF,
เครื่องนวดกระตุ้นประเภทต่างๆ ซึ่งมักจะทำควบคู่กับการใช้ครีม, หรือการใช้เครื่องมือประเภทแสง Ultrasound สลายไขมัน
ซึ่งวิธีต่างๆ เหล่านี้จำเป็นต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายครั้งตามไปด้วย และอาจต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย
จึงจะเห็นผลชัดเจนขึ้น อีกอย่างคือ ผลการรักษาของแต่ละบุคคลอาจจะ
ไม่เท่ากัน
อีกวิธีที่คุ้นหูและฮอตฮิตในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคือ การใช้เครื่องมือแทงเข้าใต้ผิวหนัง ประเภท Carboxy คือ การลดไขมัน
เฉพาะที่ด้วยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนัง จะช่วยเพิ่มการขยายตัวของเส้นเลือดและทำให้เซลล์ไขมัน
สลายตัว วิธีนี้ใช้ได้ผลดีมากกว่าการใช้เครื่องมือจากภายนอก เหมาะสำหรับผู้ที่ไขมันน้อยถึงปานกลาง หากมีมากก็จะไม่เห็นผล
ชัดเจน ข้อเสียคือ นอกจากต้องเจ็บตัวแล้วต้องทำหลายครั้งจึงจะเห็นผล และอาจมีความเสี่ยงกับภาวะเลือดออกและติดเชื้อได้
สุดท้ายคือ การดูดไขมัน ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่เห็นผลได้ชัดเจนที่สุดในตอนนี้ การผ่าตัดดูดไขมันในอดีต ขึ้นชื่อว่า เจ็บปวดและ
ทรมานจากดูดไขมันออกมาตามท่อ คนไข้เสียเลือดและน้ำเหลือง เนื้อเยื่อบอบช้ำ จึงทำให้ต้องพักฟื้นนาน มีรอยฟกช้ำบวม
ผิวหนังเกิดรอยคลื่น หย่อนยาน ขรุขระ ไม่เรียบตึง แต่ปัจจุบันมีการดูดไขมันด้วยเทคนิคใหม่โดยใช้คลื่นความถี่สูง อัลตร้าโซนิค
เรียกว่า เวเซอร์ โดยการเจาะรูขนาดเล็กประมาณ 4 มิลลิเมตร เพื่อสอด Probe Ultrasonic ซึ่งมีคุณสมบัติในการสลายเฉพาะ
ไขมัน ไขมันที่ถูกสลายเป็นของเหลวทั้งหมด จะถูกดูดออกอย่างนุ่มนวล โดยเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ ไม่ช้ำ ส่วนที่เหลือร่างกายจะ
กำจัดออกตามกระบวนการทางธรรมชาติ วิธีนี้อาจจะต้องจ่ายเงินจำนวนค่อนข้างสูง แลกกับการเห็นผลได้ชัดเจนจากการทำใน
ครั้งแรก ได้รับผลลัพธ์ที่คงอยู่ถาวร เพราะเซลล์ไขมันลดจำนวนลง อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อควรระวังคือ การทำการดมยาสลบจึงมี
ความเสี่ยง ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งยศยาคลินิกให้ข้อคิดว่า Body Contouring จากสารพัดวิธี ผู้บริโภคจำเป็นต้องปรึกษา
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อร่วมกันวางแผนและดำเนินการอย่างระมัดระวัง ที่สำคัญวิธีการที่ดีที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่ถูกวิธี จึงจะทำให้ Body Contouring สัมฤทธิ์ผลได้ดีที่สุด
ข้อมูล : ยศยาคลินิก 257/9 ถ.รัชดาภิเษก ดินแดง กทม. 10400 โทร. 02-693-8693
