1. ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน : นพ.ไมเคิล รอยเซน อายุรแพทย์ชาวอเมริกัน จากคลีฟแลนด์คลินิก ให้ข้อมูลว่า คราบแบคทีเรียตามร่องฟันไม่ดีต่อสมอง เพราะทำให้เกิด “ปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันวิทยา” (Immune reaction)
“ปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันวิทยา” นี้จะมีผลคือ การทำลายและลดประสิทธิภาพของเส้นเลือดแดงที่นำเลือดแดงออกจากหัวใจ ทำให้ไม่สามารถส่งอาหารต่าง ๆ ไปเลี้ยงเซลล์สมองได้ (เม็ดเลือดแดงมีหน้าที่นำสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ รวมทั้งเซลล์สมองด้วย) การใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำจะช่วยลดคราบแบคทีเรียและส่งผลให้ไม่เกิด“ปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันวิทยา” จึงช่วยให้สมองไวขึ้นได้เพราะได้รับสารอาหารและออกซิเจนเต็มที่นั่นเอง
เพิ่มเติม : ตามความคิดของคนไม่มีราก นอกจากการใช้ไหมขัดฟันแล้ว การแปรงฟัน บ้วนปากหลังอาหาร หรือกระทั่งการดื่มน้ำสะอาดบ่อย ๆ ก็มีผลช่วยลดคราบแบคทีเรียต่าง ๆ ในช่องปากได้ ดังนั้นจึงน่าจะได้ผลดีเช่นกัน
2. การเล่นรูบิก (ลูกบิด) การเล่นรูบิกจะช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้นเพราะเป็นการฝึกกลยุทธ์และทักษะด้าน 3 มิติ (ทักษะสัมพันธ์) ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสมอง ช่วยให้สมองตื่นตัวและกระฉับกระเฉงตลอดเวลา
เพิ่มเติม : การวาดภาพ การระบายสีต่าง ๆ ก็มีส่วนในการกระตุ้นและพัฒนาสมองในด้านมิติสัมพันธ์เช่นเดียวกัน
3. การเดิน การเดินสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที เป็นการเติมออกซิเจนให้กับเซลล์สมอง
ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท มหาวิทยาลัยพริ้นซ์ตัน อธิบายว่า “การออกกำลังกายด้วยวิธีแอโรบิก สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง มีผลดีต่อสมองเทียบเท่ากับกิจกรรมลับสมองอื่น ๆ ”
เพิ่มเติม : เรื่องการเดินนี้คนไม่มีรากเองและเพื่อนร่วมงานหลายคน มีหลักฐานที่ได้ค้นพบด้วยตัวเองว่า ตอนที่คิดงาน เขียนงาน ทำงานแล้วทำไม่ได้ คิดไม่ออก หรือแก้ปัญหาคาใจไม่ได้ เมื่อได้ออก “เดิน” ทำให้เราพบทางออกสำหรับสิ่งที่ค้างคาใจได้จริง ๆ ค่ะ นอกจากนี้การเดิน ยังเป็นการออกกกำลังกายที่ดี เป็นการประนีประนอมและทำตามศักยภาพของร่างกายอย่างแท้จริง เพราะมีเวลาเมื่อใดก็ทำได้ วันใดมีแรงเยอะก็เดินเร็ว ๆ วันไหนเหนื่อยอ่อนก็เดินช้า ๆ นั่นคือเรากำหนดเวลา ความถี่ และความแรงของการออกกำลังกายได้เหมาะสมกับสภาพร่างกายจริง ๆ
4. การใช้ตะเกียบ เป็นการกระตุ้นสมองได้อย่างดี
ผู้เชี่ยวชาญด้านการชะลอวัย จากมหาวิทยาลัยโยซาน ในนครลอสแอนเจลิส ให้ข้อมูลการวิจัยหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า การใช้ตะเกียบสัมพันธ์กับศูนย์กลางเซลล์ประสาทที่อยู่บริเวณปลายนิ้วมือ ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับสมองกิจกรรมที่ต้องใช้ปลายนิ้วทุกชนิด เช่น การเย็บปักถักร้อย การหมุนปากกาเล่น ต่างก็ช่วยให้การไหลเวียนเลือดในสมองดีขึ้น ส่งผลให้มีสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น
เพิ่มเติม : กิจกรรมที่ใช้ปลายนิ้ว เช่นการดีดลูกคิด การเล่นเครื่องดนตรี เช่นขิม กีต้าร์ เปียนโน และอื่น ๆ ก็มีผลในการกระตุ้นปลายประสาทที่นิ้วได้เช่นกัน (น่าจะรวมการใช้ปลายนิ้ว คลิกเม้าท์คอมพิวเตอร์ด้วย)
5. การนวดฝ่าเท้า (เพิ่มเติมจากผู้รู้) ระหว่างปีพศ.2544-2548 คนไม่มีรากมีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างดี ศาสตราจารย์คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต (เกิดปี พ.ศ.2465) แม้ในวัยใกล้ 90 ปี แต่ท่านกลับมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ กระฉับกระเฉง ความคิดเฉียบคมจนบรรดาเด็ก ๆ ฉงนฉงายใจ คนไม่มีรากจึงเลียบเคียงถามถึงเคล็ดลับที่ทำให้ท่านมีสุขภาพดีทั้งกายใจและสติปัญญา ท่านบอกยิ้ม ๆ ว่า ...เคล็ดลับง่าย ๆ ที่อาจารย์ทำเป็นประจำทุกวัน คือ “นวดฝ่าเท้า” หลังจากอาบน้ำก็จะนวดฝ่าเท้าทั้งสองข้าง นวดด้วยมือ นวดไปทั่ว ๆ ทุกจุดของฝ่าเท้า
เพิ่มเติม : ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่า ฝ่าเท้าเป็นจุดศูนย์รวมของเส้นประสาทและสะท้อนถึงสุขภาพของอวัยวะต่าง ๆ ภายใน การนวดฝ่าเท้าจึงเป็นการดูแล เยียวยาอวัยวะต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
อ้างอิง
-
www.cnn.com