"หัวลำโพง" บริษัทพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เกิดจากการรวมตัวกันของคนไอทีกับนักธุรกิจหนุ่ม ที่มองเห็นเทรนด์ธุรกิจบนมือถือ ไอเดียสร้างสรรค์สังคมบนมือถือจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย ถ้าบอกว่าโลกโซเชียล เน็ตเวิร์ค กำลังจะสื่อสารกันด้วย "รูปถ่าย" ซึ่งจะเป็นเทรนด์ใหม่ของธุรกิจพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน
"หัวลำโพง" บริษัทพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เกิดจากการรวมตัวกันของนักพัฒนาแอพฯ รุ่นใหม่กับนักธุรกิจหนุ่ม "ชัยยส ชัยยามานนท์" ที่มองเห็นช่องทางธุรกิจนี้ในเมืองไทย
แอพฯ ตามกระแส สิ่งที่ "หัวลำโพง" (HLP) ทำมาตั้งแต่ก่อร่างสร้างตัวในปี 2551 คือ การสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนหลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง iOS แอนดรอยด์ วินโดว์สโฟน 7 Qt และบาด้า (bada) แพลตฟอร์มของซัมซุง ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของพวกเขา
หัวลำโพงมีจุดแข็งเรื่องความเร็ว งานด่วนไม่กลัว เพราะ 50% ของเวลาที่ใช้ในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น คือ เวลาที่ใช้คิดและออกแบบ ตามด้วยความสามารถที่ว่า "อะไรที่มือถือทำได้ เราทำได้หมด" และสุดท้ายคือความสวยงาม เพราะไม่ว่าแอพพลิเคชั่นจะดีแค่ไหน ถ้าไม่สวยหรือไม่ไหลลื่น ลูกค้าก็ไม่อยากใช้งาน
นั่นทำให้พวกเขาขยันสร้างแอพพลิเคชั่นหลายต่อหลายตัวที่น่าสนใจในเวลาต่อมา เช่น Popcorn! แอพพลิเคชั่นที่สามารถดูรอบหนังได้ทั้งเครือเมเจอร์และเอสเอฟในแอพฯ เดียว หรือ Mecca สำหรับดูทิศในการละหมาดของพี่น้องมุสลิม ซึ่งล่าสุดขยายไปลง Qt ของโนเกียแล้ว รวมไปถึงแอพพลิเคชั่น Twitter ลูกค้าสัญชาติไทยบน Bada ชื่อว่า MantaThai
แอพฯ สร้างโลก (ออนไลน์) หลังจากที่เปิดบริษัทมาได้ไม่นานนัก "หัวลำโพง" ก็กลายเป็นคลังสมองแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน กระทั่งปัจจุบันพวกเขาพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ล่าสุดบนมือถือแนวเดียวกับ Instragram ในชื่อ MOLO.ME (โมโล่.มี) ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้ถ่ายรูปผ่านฟิลเตอร์แบบ Lomo สวยๆ และแชร์รูปภาพได้รวดเร็ว
MOLO.ME คือโซเชียลเน็ตเวิร์ค ตัวใหม่ ให้แชร์รูปกัน โดยสร้างคาแรคเตอร์เป็นนกฮูกตัวหนึ่ง ซึ่งต่างจากเว็บ Flickr หรือเว็บอื่นๆ ที่ใช้แลกเปลี่ยนรูปถ่ายที่ถ่ายจากกล้อง แล้วโหลดเข้าคอมพิวเตอร์ แต่แอพฯ จากหัวลำโพงรองรับภาพถ่ายจากมือถือ แล้ว Choose และ Share หรือจะเข้าเว็บไซต์ของผู้ใช้เอง รวมถึงเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ได้เลย
ถึงแม้การอัพรูปแชร์รูปจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการไอที ซึ่งต่างก็มีการถ่ายรูป และกดแชร์ได้เร็ว แต่สำหรับจุดต่างที่สำคัญนั้น จักรกฤกษ์ ตาฬวัฒน์ ผู้บริหารอีกคนของหัวลำโพง อธิบายว่า เพราะพวกเขามีหลายแพลตฟอร์ม ที่ให้ผู้ใช้สร้างโซเชียล เน็ตเวิร์คได้ทันที
1 แอพฯ 100 ล้านครั้ง ชัยยส ย้อนเล่าให้ฟังว่า หลังจากหัวหน้าทีมพัฒนาแอพพลิเคชั่น อย่างสิทธิพล พรรณวิไล กลับมาจากงาน Mobile World Congress ที่บาร์เซโลนา เขาบอกกับทีมงานว่าจริงๆ แล้ว หัวลำโพงไม่ต้องเร่งทำแอพพลิเคชั่นเป็นร้อยๆ ตัวก็ได้ แต่ทำดีๆ เยี่ยมๆ สักตัวให้เกิดก็พอ
"จากนั้นเราใช้เวลาเดือนกว่าก็ได้เป็น MOLO.ME เพราะต้องการจะเข้าแข่งขันในรายการ Calling All Innovators ของโนเกีย อีกทั้งแบรนด์นี้มีจุดเด่นที่คุณภาพกล้อง จึงขอเริ่มเปิดตัวใน Ovi Store ของโนเกียก่อน"
จักรกฤกษ์ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบัน MOLO.ME เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีผ่าน Ovi store ของโนเกียเท่านั้น แต่ทางทีมงานวางแผนว่าจะเปิดตัวในแอนดรอยด์ และ iOS ในเวลาไม่นานนี้
"ยอดดาวน์โหลดล่าสุดอยู่ที่กว่า 5,000 ครั้ง เราวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า จะเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ขายได้ทั่วโลก โดยจะเปิดตัวที่งาน CommunicAsia 2011 ที่สิงคโปร์ช่วงเดือน มิ.ย.นี้ และเชื่อมั่นว่าจะทำให้แอพพลิเคชั่นตัวนี้มียอดดาวน์โหลดให้ถึง 100 ล้านครั้ง"
พวกเขายังวางแผนการตลาดไว้ว่า จะเดินตามรอยโมเดลของผู้สร้างโซเชียลเน็ตเวิร์คระดับโลกทั้งหลาย ที่มีระบบจัดการข้อมูลกับผู้ใช้ที่หลากหลาย ในขณะเดียวกัน ก็เล็งเห็นความสำคัญของ Advertising Based ไว้ด้วย
ชัยยส ย้ำความมั่นใจว่า ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า โทรศัพท์มือถือจะออกสู่ตลาดอีกร่วม 150 ล้านเครื่อง เมื่อพวกเขาเปิดทุกแพลตฟอร์ม โอกาสที่จะมีแอพพลิเคชั่นของหัวลำโพงอยู่ในสมาร์ทโฟน 10-20 ล้านเครื่อง ก็ไม่น่าจะเกินความจริงข้อมูลจาก: กรุงเทพธุรกิจ 
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง: Casual Watch Laptop Thai Talk วลัยลักษณ์ ที่พักพัทยา
