กรุณาปิด AdBlock!

Cancel your adBlock please.

ขยายหน้าเว็บRegister Login
 โฆษณา
หน้า: [1]  ลงล่าง
  พิมพ์  
topic

มากินอาหารเพื่อสุขภาพกันเถอะ  (อ่าน 8998 ครั้ง)

ไอที
« เมื่อ: 23, 11 2010, 02:21:59 PM »
เอ่ยถึงอาหารแนวสุขภาพ ก็ต้องนึกถึง ธัญพืช เป็นลำดับต้นๆ โดยเฉพาะ ธัญพืชเต็มเมล็ด หรือเรียกสั้นๆ ว่า โฮลเกรน ซึ่งเป็นธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี หรือขัดสีน้อยที่สุด โดยยังคงมีส่วนประกอบ ทั้งเยื่อหุ้มเมล็ด, เนื้อเมล็ด และจมูกข้าว ครบถ้วนแบบนี้มีคุณค่าทางโภชนาการสุดๆ เพราะโฮลเกรน เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่อุดมไปด้วยเส้น ใยอาหาร, วิตามิน, แร่ธาตุ และไฟโตนิวเตรียนท์ หรือสารต่อต้านอนุมูลอิสระ



การกินโฮลเกรนจึงส่งผลดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเด็http://women.thaiza.com/detail_87686.html link
[/hide]
loookmar
เด็กไอทีคลับหน้าใหม่
*
พลังความคิด 0
กระทู้: 1
บันทึกการเข้า
ไอที
« ตอบ #1 เมื่อ: 5, 12 2010, 11:04:35 AM »
อาหารเพื่อสุขภาพ

ในยุคของการแข่งขัน ที่เรากำลังประสบอยู่ในปัจจุบัน ชีวิตมีความรีบเร่งมากขึ้น จนไม่ค่อยมีเวลาที่จะให้ความสำคัญกับเรื่อง ความสมดุลของอาหารที่รับประทานรวมทั้งค่านิยมการรับประทานอาหารแบบตะวันตก ซึ่งประกอบด้วย เนื้อสัตว์ ไขมัน นม เนย เป็นส่วนใหญ่ ทำให้คนไทยมีโรค ซึ่งเกิดจากการกินดีเกินไป เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคอัมพาต ซึ่งโรคเหล่านี้ล้วนเกี่ยวกับความเสื่อมของหลอดเลือด
อ่านต่อได้ที่ http://www.4care.co.th/th/articles/interesting-articles/18-2009-08-28-10-15-58/164-2010-11-29-04-58-37.html link
4care
เด็กไอทีคลับไฟแรง
*
พลังความคิด 6
กระทู้: 139
บันทึกการเข้า
ไอที
« ตอบ #2 เมื่อ: 11, 12 2010, 06:08:31 PM »
งาขาวกับงาดำ ต่างกันอย่างไร

งาขาวกับงาดำเป็นพืชล้มลุกชนิดเดียวกัน มีสรรพคุณใกล้เคียงกัน แหล่งที่ปลูกงามากอยู่ที่จีน อินเดีย ไปจนถึงเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา งาเป็นต้นไม้ขนาดเล็กสูง 1-2 เมตร มีใบบอบบาง ดอกสีขาวหรือชมพู เมื่อผลแก่จัด จะได้เมล็ดงาจำนวนมากในฝักนั้น
งามีคุณค่าอาหารสูง มาก ชาวจีนถึงกับเปรียบไว้ว่า "กินงามีคุณค่าเปรียบได้ดั่งกินหยก"
อ่านต่อได้ที่ http://www.4care.co.th/th/articles/interesting-articles/18-2009-08-28-10-15-58/163-2010-11-29-04-35-54.html link
4care
เด็กไอทีคลับไฟแรง
*
พลังความคิด 6
กระทู้: 139
บันทึกการเข้า
ไอที
« ตอบ #3 เมื่อ: 19, 12 2010, 09:20:47 AM »
Vitamin E และแผลใบหน้า

Vitamin E เป็นไขมันป้องกันอนุมูลอิสระที่ละลายน้ำที่เก็บไว้มากมายในเนื้อเยื่อไขมัน คุณสมบัติเป็นอนุมูลอิสระป้องกันไม่ชัดเจนนัก แต่ร่างกายต้องการวิตามินอีในปริมาณหนึ่ง
วิตามินอีสามารถใช้ได้ผ่านน้ำมันพืชถั่วจมูกข้าวสาลี, อะโวคาโดและผลิตภัณฑ์นม และเนื่องจากความสามารถในการเก็บอินสแตนซ์ของการขาดในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่ค่อนข้างหายาก
อ่านต่อได้ที่ http://www.4care.co.th/th/articles/interesting-articles/18-2009-08-28-10-15-58/165-vitamin-e-.html link
4care
เด็กไอทีคลับไฟแรง
*
พลังความคิด 6
กระทู้: 139
บันทึกการเข้า
ไอที
« ตอบ #4 เมื่อ: 21, 12 2010, 06:55:27 PM »
น่าสนใจนะค่ะ เดี๋ยวขอปรึกษาแม่ก่อน ว่าท่านทานได้ไหม
CoolPha
RUK-YOM
ปรมาจารย์ด้านไอที
*
พลังความคิด 76
กระทู้: 5,261
เว็บไซต์
บันทึกการเข้า

ไอที
« ตอบ #5 เมื่อ: 22, 12 2010, 10:10:06 PM »
ประโยชน์ของจมูกข้าวสาลี

เมล็ดข้าวทุกพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี จะมีส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งอยู่ในเมล็ดพืช เรียกว่าจมูกข้าว ซึ่งเป็นส่วนที่จะงอกออกไปเป็นต้นใหม่ ประโยชน์ของจมูกข้าวสาลีคือ เป็นแหล่งโปรตีน ข้าวสาลีต้นใหม่จะงอกได้ก็ต้องอาศัยโปรตีนจากจมูกข้าวสาลีนี่แหละ อุดมด้วยวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญ จะช่วยชะลอความชรา ป้องกันโรคเสื่อมต่าง ๆ
อ่านต่อได้ที่ http://www.4care.co.th/th/articles/interesting-articles/18-2009-08-28-10-15-58/166-2010-12-10-07-49-53.html link
4care
เด็กไอทีคลับไฟแรง
*
พลังความคิด 6
กระทู้: 139
บันทึกการเข้า
ไอที
« ตอบ #6 เมื่อ: 2, 03 2011, 03:26:03 PM »
อาหารเช้าสำคัญอย่างไร

 ใครๆ ก็บอกว่าอาหารเช้าสำคัญ ขาดไม่ได้ หรือไม่ควรขาด แล้วอาหารเช้าสำคัญอย่างไรกันเล่า และจะให้กินอะไรเป็นอาหารเช้า...
ในเมื่อดื่มแค่กาแฟแก้วเดียวฉันก็อยู่ได้จนถึงมื้อกลางวัน ตอนเช้าน่ะแทบจะไม่มีเวลากินอะไรหรอก เพราะต้องรีบไปทำงาน และฉันต้องการลดน้ำหนักแถมยังประหยัดเงินอีกมื้อหนึ่งด้วย
เหล่านี้เป็นคำกล่าวที่เรามักจะได้ยินจากคนที่ไม่กินอาหารเช้า โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานนอกบ้าน ตอนเช้าต้องเร่งรีบออกจากบ้าน โดยไม่ได้กินอาหารเช้า เมื่อไปถึงที่ทำงานก็มีงานมากมาย จนไม่มีเวลากินอะไรจนถึงเวลากลางวัน
     เมื่อตื่นนอนในตอนเช้า เราไม่ได้กินอาหารนับจากมื้อเย็น ประมาณสิบสองชั่วโมงหรือมากกว่า หากเรางดอาหารมื้อเช้า และกินอาหารกลางวันเป็นมื้อแรกของวัน หมายถึง ร่างกายจะไม่ได้รับอาหารอีกประมาณห้าชั่วโมง รวมแล้วไม่ต่ำกว่าสิบเจ็ดชั่วโมงที่ร่างกายไม่ได้รับอาหาร อาหารมื้อเย็นที่เรากินเข้าไปถูกย่อยและใช้ไป เมื่อเราพักผ่อนนอนหลับ ร่างกายใช้พลังงานน้อย อาหารมื้อเย็นจึงอยู่ได้หลายชั่วโมงกว่ามื้ออื่น ที่เรากินในตอนกลางวัน ซึ่งร่างกายใช้พลังงาน ในการทำกิจกรรมต่างๆ มากกว่า
เมื่อเราตื่นนอนในตอนเช้าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ในขณะที่เราลุกขึ้นเคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่างๆ เราจะรู้สึกหิว ศูนย์หิวที่สมองสั่งให้กระเพาะหลั่งน้ำย่อยออกมาทำให้ท้องว่าง เพราะร่างกายต้องการพลังงาน หากเรายังไม่เติมพลังงานให้กับร่างกาย หรือยังไม่กินอาหารเช้า ร่างกายต้องไปดึงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ที่สะสมไว้ในตับ ซึ่งร่างกายเก็บเป็นเสบียงไว้ใช้ในยามจำเป็น นำมาใช้เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ แต่ไม่นานนักพลังงานส่วนนี้จะถูกใช้จนหมดไปเพราะไม่มีใหม่มาเติม

อ่านต่อได้ที่ http://www.4care.co.th/th/articles/interesting-articles/18-2009-08-28-10-15-58/177-2011-03-01-05-40-57.html link
4care
เด็กไอทีคลับไฟแรง
*
พลังความคิด 6
กระทู้: 139
บันทึกการเข้า
ไอที
« ตอบ #7 เมื่อ: 3, 04 2011, 11:44:21 AM »
ชะลออายุด้วยอาหาร

เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น คงไม่มีใครสามารถหยุดยั้งความชราไว้ได้ แต่วิธีที่จะช่วยชะลออายุได้ก็คือ การเอาใจใส่ดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีที่สุด สุขภาพที่ดีมาจากร่างกายที่แข็งแรง และจิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน
องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้มีสุขภาพดี ตามที่ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ฯลฯ
ดังนั้นอาหารการกินจึงเป็นส่วนสำคัญ ที่จะกำหนดให้เราแก่ไปตามวัยที่ล่วงเลย หรือก่อนวัยอันสมควร ยิ่งเมื่อวิทยาการก้าวหน้า อาหารยิ่งถูกปรุงแต่งมากขึ้น จนแทบไม่เหลือคุณค่าของอาหารไว้ ปัจจุบันความคิดทางการแพทย์เก่า ๆ ที่ให้บริโภค เนื้อ นม ไข่ มาก ๆ จึงเริ่มเปลี่ยนไป และให้หันกลับมาสนใจอาหารธรรมชาติ ซึ่งเป็นพื้นฐานชีวิตของคนสมัยก่อนแทน

อ่านต่อได้ที่ http://www.4care.co.th/th/articles/interesting-articles/18-2009-08-28-10-15-58/181-2011-03-21-04-51-45.html link
4care
เด็กไอทีคลับไฟแรง
*
พลังความคิด 6
กระทู้: 139
บันทึกการเข้า
ไอที
« ตอบ #8 เมื่อ: 16, 04 2011, 12:39:51 PM »
เทรนด์ฮอต อาหารเพื่อสุขภาพ
โรคอ้วน!!! ทำให้คนตื่นตัวหันมาสนใจเรื่องการกินอยู่มากขึ้น และเป็นกระแสที่ยังแรง เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพเลยมาแรง!!
เอ่ยถึงอาหารแนวสุขภาพ ก็ต้องนึกถึง ธัญพืช เป็นลำดับต้นๆ โดยเฉพาะ ธัญพืชเต็มเมล็ด หรือเรียกสั้นๆ ว่า โฮลเกรน ซึ่งเป็นธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี หรือขัดสีน้อยที่สุด โดยยังคงมีส่วนประกอบ ทั้งเยื่อหุ้มเมล็ด, เนื้อเมล็ด และจมูกข้าว ครบถ้วนแบบนี้มีคุณค่าทางโภชนาการสุดๆ เพราะโฮลเกรน เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่อุดมไปด้วยเส้น ใยอาหาร, วิตามิน, แร่ธาตุ และไฟโตนิวเตรียนท์ หรือสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
การกินโฮลเกรนจึงส่งผลดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่

อย่างอาหารแนวสุขภาพ ธัญพืชเต็มเมล็ด หาได้ไม่ยากใกล้ตัวที่สุดและดีที่สุดคือ ข้าวกล้อง นั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีข้าวโอ๊ต, ข้าวบาร์เล่ย์, ซีเรียล,ขนมปัง และพาสต้า ที่ทำมาจากโฮลเกรนแบบไทยๆ ก็มีลูกเดือยและข้าวโพด
อ่านต่อได้ที่ http://www.4care.co.th/th/articles/interesting-articles/18-2009-08-28-10-15-58/184-2011-04-12-15-48-12.html link
4care
เด็กไอทีคลับไฟแรง
*
พลังความคิด 6
กระทู้: 139
บันทึกการเข้า
ไอที
« ตอบ #9 เมื่อ: 23, 04 2011, 11:27:16 AM »
อาการที่ฟ้องว่าคุณทานอาหารไม่ถูกต้อง

การรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ทำได้ไม่ยาก แต่หากทานไปแล้วร่างกายของคุณเกิดมีปฏิกิริยาตอบกลับมาเป็นผดผื่น คัน ผิวหนังลอกเป็นขุยแล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณกำลังทานอาหารไม่ถูกต้องอยู่นะคะ วันนี้เราจึงนำ สัญญาณ 10 ประการที่ร่างกายคุณฟ้องว่าคุณทานอาหารไม่เหมาะสมมาฝากกัน

ผิวหนังมีปัญหา เช่น มีอาการคัน หรือลอกเป็นขุย แม้จะไม่ใช่ช่วงหน้าหนาว อาการเช่นนี้อาจเป็นลักษณะของการ ขาดวิตามิน A ผักและผลไม้ ที่มีสีเหลือง สีส้ม หรือสีเขียวเข้ม ล้วนแต่อุดมไปด้วยวิตามิน A เพียงพอที่จะทำให้ผิวคุณเป็นปกติ ไม่ควรทานวิตามิน A เสริมที่อยู่ในรูปแบบเม็ด เพราะการได้รับโดยตรงเช่นนี้มากเกินไปจะเป็นอันตรายได้

ผมไม่เงางาม ในกรณีที่รุนแรง ผมของคุณจะไม่สามารถจัดทรงได้เลย เป็นผลมาจากการ ขาดโปรตีนและธาตุเหล็ก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นมังสวิรัติ หรือคนที่จำกัดอาหารอย่างมาก ดังนั้นคุณจึงควรที่จะทานอาหารที่มีกากใยควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ส่วนคนที่เป็นมังสวิรัติ ต้องได้สารอาหารจาก พืชผัก ข้าว และ ถั่ว ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้โปรตีนทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ขาดไป และเพิ่มเติมด้วยกะหล่ำดอก และผลไม้เปลือกแข็ง เช่น เกาลัด ถั่วแขก และถั่วเหลือง ซึ่งอุดมไปด้วยไบโอติน

ท้องผูก เป็นอาการที่กำลังบอกคุณว่า คุณต้องได้สารอาหารพวก ไฟเบอร์ หรืออาหารที่มีกากใย เช่น ผักผลไม้ต่าง ๆ อย่างน้อยวันละ 25 กรัม และดื่มน้ำให้มากขึ้นด้วย

ผายลมบ่อย แม้ว่าไฟเบอร์จะมีประโยชน์ แต่ถ้ากินมากเกินไป หรือได้รับสารอาหารประเภทนี้เร็วเกินไป เช่น กินถั่ว หรือไม้จำพวกที่มีฝัก เช่น กระถิน ทองหลาง ร่างกายของคุณจะผลิตแก๊สตามออกมามากกว่าอาหารที่ย่อยง่ายตามปกติ วิธีแก้ปัญหาคือค่อย ๆ เพิ่มสารอาหารพวกไฟเบอร์อย่างช้า ๆ ถ้าคุณเคยกินแค่เพียงวันละ 10 กรัม อย่าเพิ่มเป็น 25 กรัมในวันรุ่งขึ้น ในสัปดาห์แรกเพิ่มแค่เพียง 5 กรัม แล้วสัปดาห์ต่อมาค่อยเพิ่มอีก 5 กรัม

อ่านต่อได้ที่ http://www.4care.co.th/th/articles/interesting-articles/18-2009-08-28-10-15-58/185-2011-04-16-17-50-21.html link
4care
เด็กไอทีคลับไฟแรง
*
พลังความคิด 6
กระทู้: 139
บันทึกการเข้า
ไอที
« ตอบ #10 เมื่อ: 5, 05 2011, 03:44:27 PM »
อาหารกับโรคมะเร็ง
แม้ว่าในปัจจุบันเราจะไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดโรคมะเร็ง แต่จากการค้นคว้าวิจัยและสถิติทางการแพทย์ เราพบว่าผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็ง ได้แก่

ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีราสีเขียว - เหลืองขึ้น บ่อยๆ เช่น ถั่วลิสงคั่วป่นที่มีราขึ้น จะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ
ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ เต้านม ต่อมลูกหมาก และมดลูก
ผู้ที่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ ที่มีพยาธิใบไม้ตับปนอยู่ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของถุงน้ำดีในตับ
ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารเค็มจัด ส่วนที่ไหม้เกรียมของอาหารปิ้ง - ย่าง รมควัน และอาหารที่ถนอมด้วยเกลือดินประสิว จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร หลอดอาหาร และลำไส้ใหญ่
ผู้ที่สูบบุหรี่จัด จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอด และกล่องเสียง
ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ และถ้าทั้งดื่มสุรา และสูบบุหรี่ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งช่องปาก และช่องคอด้วย
ผู้ที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด บี จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ และถ้าได้รับสารพิษอัลฟาท้อกซินด้วย โอกาสเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่นเป็นโรคทางพันธุกรรม หรือติดเชื้อไวรัส HIV จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม รังไข่ และลำไส้ใหญ่ชนิดมีติ่งเนื้อ และผู้ที่ตากแดดจัดจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังซึ่งจากผลการวิจัยพบว่าปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งส่วนใหญ่มาจากอาหารที่รับประทานเข้าไปเพราะฉะนั้นวิธีหนึ่งที่สามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งได้ คือ เลือกรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ ผัก ผลไม้ นั่นเอง
แต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้ พืชตระกูลกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ส่วนปลาย กระเพราะอาหาร และอวัยวะระบบทางเดินหายใจ
อ่านต่อได้ที่ http://www.4care.co.th/th/articles/interesting-articles/18-2009-08-28-10-15-58/186-2011-04-26-05-41-36.html link
4care
เด็กไอทีคลับไฟแรง
*
พลังความคิด 6
กระทู้: 139
บันทึกการเข้า
ไอที
« ตอบ #11 เมื่อ: 22, 05 2011, 11:07:51 AM »
วิตามิน B1 กับอารมณ์
นักวิจัยจากภาควิชาจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยแห่งเวลส์ในสวอนซีได้ดำเนินการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจผลของวิตามิน B1 ในอารมณ์
หนึ่งร้อยยี่สิบสุขภาพนักศึกษาหญิงได้รับทั้งวิตามินบีม 50 ถือเป็นปริมาณสูงหรือหลอก แม้จะมีภาวะโภชนาการปกติของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัดหลังจากสองเดือนนักเรียนที่เอาวิตามินบีพิเศษกว่าสองเท่าของคะแนนที่มั่นคงชัดเจนและ subclasses อารมณ์ของ bipolar Profile of Mood States (POMS) ทดสอบทางจิตวิทยา นักเรียนที่รับการรักษาด้วยยาหลอกพบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง วิตามินบีที่มีการเพิ่มความเร็วของปฏิกิริยาในเวลาทดสอบ อีกกลุ่มเป็นยาหลอกไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในที่สุดการปรับปรุงยังเกิดขึ้นใน subscales POMS ที่วัดหากผูรู้สึกมั่นใจประกอบด้วยหรือร่าเริง
อ่านต่อได้ที่ http://www.4care.co.th/th/articles/interesting-articles/18-2009-08-28-10-15-58/189--b1-.html link
4care
เด็กไอทีคลับไฟแรง
*
พลังความคิด 6
กระทู้: 139
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]  ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: